โรคมะเร็งตับ (Liver Cancer)
โรคมะเร็งตับ เป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโรคมะเร็งในผู้ชายไทย และเป็นอันดับ 4 ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด ส่วนมากพบในผู้ป่วยที่มีอายุ 30 - 70 ปี และพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 - 3 เท่า จัดว่าโรคนี้เป็นโรคที่มีความรุนแรงมากจนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้เป็นจำนวนมาก อนึ่ง โรคมะเร็งตับในระยะแรกมักไม่แสดงอาการ กว่าผู้ป่วยจะได้เข้ารับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคใด ก็ต้องมักอยู่ในระยะท้ายๆของโรคแล้ว ซึ่งไม่โอกาสที่จะรักษาให้หายได้

คนไทยเสี่ยงเป็นมะเร็งตับเป็นอันดับต้นๆของโลก เพราะการใช้ชีวิตและอาหารการกินของคนไทยหลายอย่าง ทำให้คนไทยเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นการดื่มแอลกอฮอล์ จากของดินประสิวเป็นประจำ เช่น ปลาร้า ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เนื้อเค็ม กุนเชียง หรือปลาเค็ม เป็นต้นทานอาหารดิบๆ สุกๆ หรือปลาน้ำจืดดิบ ที่มีพยาธิใบไม้ในตับ หรือการบริโภคอาหารที่มีเสี่ยงว่าจะมีส่วนประกอบ
ประเภทของมะเร็งตับ
1. ชนิดที่เกิดกับตับโดยตรง (มะเร็งปฐมภูมิ) ในประเทศไทยพบมากมี 2 ชนิดคือ
- มะเร็งชนิดเซลล์ตับ เป็นมะเร็งที่พบได้ทั่วทุกภาค
- มะเร็งชนิดเซลล์ท่อน้ำดี เป็นมะเร็งที่พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
2. ชนิดที่ลุกลามมาจากมะเร็งของอวัยวะอื่น (มะเร็งทุติยภูมิ) เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนักที่กระจายไปยังตับ
ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับ
มะเร็งที่ตับเกิดขึ้นจากการที่ดีเอ็นเอในเซลล์ตับเกิดการกลายพันธุ์ จนทำให้โครงสร้างเซลล์เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เซลล์เติบโตขึ้นอย่างผิดปกติและพัฒนาเป็นเนื้องอกในที่สุด สาเหตุหลักของการการเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่ปรากฏแน่ชัด แต่มีปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับได้ดังต่อไปนี้
สาเหตุที่แน่อนของโรคมะเร็งตับยังไม่ทราบชัดเจน แต่พบปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค ได้แก่
- ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และไวรัสตับอักเสบ ซี ที่สร้างความเสียหายต่อตับอย่างถาวรและทำให้ตับวายได้
- เพศ พบอัตราการเป็นมะเร็งตับในเพศชายสูงกว่าในเพศหญิง
- โรคตับแข็ง กว่าครึ่งของผู้ป่วยมะเร็งตับ เป็นโรคตับแข็งร่วมด้วย
- โรคเบาหวาน
- ผู้มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน มะเร็งตับอาจสัมพันธ์กับโรคอ้วน และโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มสุรา
- โรคตับที่สืบทอดทางพันธุกรรม ที่พบได้ไม่บ่อย ได้แก่ ภาวะธาตุเหล็กในตับมากเกิน(Hemochromatosis) ภาวะทองแดงคั่งในร่างกาย (Wilson's Disease)
- การสัมผัสสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxins) ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากเชื้อราตามเมล็ดข้าวโพดหรือถั่วที่เก็บรักษาไม่ดีจนทำให้เกิดเชื้อรา การรับประทานอาหารปนเปื้อนเชื้อราจึงเสี่ยงต่อการได่รับสารพิษชนิดนี้และเกิดเป็นมะเร็งตับ ซึ่งพื้นที่ในทวีปแอฟริกาและเอเชียบางส่วน อาจพบการปนเปื้อนจากเชื้อราชนิดนี้
- ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ จากกินปลาน้ำจืดดิบ หรือ ดิบๆสุกๆ (ปลาร้า ปลาเจ่า)
- ท่อน้ำดีในตับอักเสบเรื้อรัง อาจเกิดจากพันธุกรรมผิดปกติ โดยมักพบร่วมกับโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง
- การบริโภคแอลกอฮอล์มากเกินควร พฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากเป็นเวลาติดต่อหลายวันจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตับอย่างต่อเนื่องและเสี่ยงต่อการพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็ง
- การสูบบุหรี่ ผู้ที่ป่วยเป็นไวรัสตับอักเสบอยู่แล้วและมีพฤติกรรมสูบบุหรี่ จะยิ่งเสี่ยงเป็นมะเร็งตับยิ่งขึ้น
- การได้รับยาหรือสารเคมีบางชนิดเป็นเวลานาน เช่น การรับฮอร์โมนเสริม ยาคุมกำเนิด
- การได้รับสารเคมีอันตรายจากยากำจัดวัชพืช เช่น สารไวนิล คลอไรด์ (Vinyl Chloride) และสารหนู (Arsenic) ที่อาจพบได้ในบ่อน้ำที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย เมื่อได้รับเป็นเวลานานอาจเกิดการสะสมจนเกิดโรคต่าง ๆ ตามมามากมาย ไม่เว้นแม้แต่มะเร็งตับ
- การใช้อนาโบลิคเสตียรอยด์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่นักกีฬามักใช้เพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ หากใช้เป็นเวลานานจะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับ รวมถึงมะเร็งชนิดอื่น ๆ ด้วย
- เชื้อชาติ พบผู้ป่วยโรคตับแข็งที่เป็นชาวเอเชีย ชาวอเมริกัน และชาวเกาะแปซิฟิค ได้บ่อยกว่าชาติอื่น ๆ

อาการของโรคมะเร็งตับ
อาการของโรคมะเร็งตับ มักไม่มีอาการเมื่อเริ่มเป็นโรค แต่เมื่อโรคลุกลามถึงขั้นแสดงอาการจึงจะสังเกตได้ดังนี้
- อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย มักมีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ
- เบื่ออาหาร อิ่มง่ายแม้รับประทานเพียงเล็กน้อย (จากน้ำในท้องกด/เบียดทับกระเพาะอาหาร)
- คลื่นไส้ อาเจียน
- น้ำหนักลดทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก
- มีภาวะตัวเหลือง ตาเหลือง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- อุจจาระสีซีด หรือเป็นสีเทา
- มีการเปลี่ยนแปลงตามผิวหนังคือมีจุดเล็ก ๆ แดง ๆ เกิดขึ้น
- ฝ่ามือแดง มีจุดแดงรูปแมงมุม ที่หน้าอก จมูก ต้นแขน
- ต่อมน้ำลายข้างหูอาจโตคล้ายคางทูม
- ตับอาจคลำได้ ค่อนข้างแข็ง
- ถ้าเป็นมากจะพบว่ารูปร่างผอมซีด ท้องโตมาก เส้นเลือดพองที่หน้าท้อง มือสั่น ม้ามโต นิ้วปุ้ม
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นอึดอัดท้อง
- มีอาการคันตามร่างกาย
- ปวดท้องด้านขวาตอนบน(ตำแหน่งของตับ)
- มีอาการบวมที่ช่องท้องหรือคลำพบก้อนใตชายโครงด้านขวา เนื่องจากตับโต
- มีอาการปวดแน่นที่ชายโครงขวา
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- นอนหลับยาก มักจะง่วงนอนตอนกลางวัน
- มีอาการเครียด ขี้หงุดหงิด ตกใจง่าย
- การไหลเวียนของเลือดไม่ดี ทำให้ความดันในเลือดสูงขึ้น
- มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ เลือดออกง่าย
- มีความไวต่อยาและผลข้างเคียง เนื่องจากตับจะไม่สามารถกรองยาออกจากเลือดได้ตามปกติ
- ผอมลง มีน้ำในท้อง หายใจเหนื่อยหอบจากน้ำในท้องดัน/กด/เบียดทับปอด
นอกจากอาการที่ผู้ป่วยมะเร็งตับแสดงและผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการรักษาที่กล่าวไปแล้ว มะเร็งตับยังอาจแพร่กระจายไปสู่อวัยวะบริเวณอื่น ๆ เช่นตามต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะที่อยู่ห่างไกลออกไป หรือส่งผลให้มีเลือดออกภายใน เช่น ในระบบทางเดินอาหาร และก้อนเนื้องอกเกิดแตกได้ นอกจากนี้อาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ตับวาย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นได้ในระยะท้าย ๆ ของโรคมะเร็งตับ
โรคมะเร็งตับ แบ่งออกเป็น 4 ระยะ เช่นเดียวกับโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้แก่
- ระยะที่ 1 : ก้อนเนื้อมะเร็งมีขนาดเล็ก และมีเพียงก้อนเนื้อเดียว
- ระยะที่ 2 : มีการลุกลามของก้อนเนื้อเข้าหลอดเลือดในตับ หรือมีก้อนเนื้อหลายก้อน แต่ยังเป็นก้อนเล็กๆ
- ระยะที่ 3 : ก้อนเนื้อมะเร็งโตมาก และลุกลามเข้าไปเนื้อเยื่อข้างเคียงตับ หรือเข้าหลอดเลือดดำใหญ่ในท้อง หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ตับ
- ระยะที่ 4 : โรคมะเร็งแพร่กระจายตามกระแสโลเลือด มักเข้าสู่ตับกลีบอื่นๆ และปอด แต่อาจเข้าสู่อวัยวะอื่นๆได้ เช่น สมอง กระดูก หรือแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไปจากตับ เช่น ในช่องท้อง หรือ บริเวณไหปลาร้า
การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งตับ
วิธีการตรวจเพื่อการวินิจฉัยโรคมะเร็งตับที่แม่นยำและชัดเจน มีวิธีการดังต่อไปนี้
- ตรวจเลือดหามะเร็งตับ (Alfa-fetoprotein: AFP) สามารถตรวจหามะเร็งตับในผู้ป่วยได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ป่วยโรคมะเร็งตับจะมีค่า AFP สูงกว่าปกติ
- อัลตราซาวน์ ซีทีสแกน (CT scan) หรือเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อให้แพทย์สามารถมองเห็นตำแหน่งของมะเร็งและปริมาณของเลือดที่มาหล่อเลี้ยงมะเร็งได้อย่างชัดเจน โดยการตรวจด้วยวิธีนี้มักยากที่จะหาแผลหรือรอยโรคที่มีขนาดเล็กกว่า 1 เซ็นติเมตร
- การเจาะชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy) ทำได้โดยการเก็บตัวอย่างจากก้อนที่สงสัยที่ตับเพื่อส่งตรวจเพิ่มเติมว่าจะเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่ ในกรณีที่ผลตรวจการถ่ายภาพและการตรวจทางแล็บระบุแน่นอนแล้วว่าเป็นมะเร็งตับ ก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องเจาะชิ้นเนื้อตับเพื่อตรวจอีก เนื่องจากวิธีนี้อาจเสี่ยงทำให้ติดเชื้อ มีเลือดออก หรือเกิดการแพร่เชื้อของมะเร็งไปยังส่วนอื่น ๆ ที่ถูกเข็มเจาะได้
การป้องกันโรคมะเร็งตับ
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งตับ คือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรค และที่สำคัญ คือ การรักษาสุขอนามัย เพื่อลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ และ ไม่ดื่มสุรา/เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคตับแข็ง นอกจากนั้น คนในถิ่นระบาดของโรคพยาธิใบไม้ตับ ควรได้รับการตรวจอุจจาระเพื่อตรวจหาไข่ของพยาธิใบไม้ตับ เพื่อการรักษาโรคพยาธิใบไม้ตับก่อนเกิดการอักเสบเรื้อรังของท่อน้ำดี ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงเนื้อเยื่อท่อน้ำดีไปเป็นมะเร็งได้
GREEN-L กรีนแอล สารสกัดจากธรรมชาติบำรุงตับ ฟื้นฟูตับ

ช่วยบำรุง ฟื้นฟู เสริมสร้างการทำงานในระดับเซลล์ของตับ สำหรับผู้ที่ดื่มสุรา และช่วยบำรุงกระตุ้นการทำงานของตับ กระตุ้นการหมุนเวียนของระบบเลือดในร่างกาย ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กำจัดความสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ลดการทำลายเซลล์ตับจากสารพิษอยู่เสมอ
สรรพคุณ กรีนแอล Green L ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อบำรุง ดีท๊อคซ์ตับ ฟื้นฟูตับ
- ช่วยขับล้างสารพิษ และลดการสะสมสารพิษในร่างกาย
- ลดการสะสมไขมันเนื้อในตับ
- ป้องกันตับและลดการสะสมสารพิษในตับ
- เสริมสร้างและกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- มีส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ
- ดึงเอาของเสียออกจากกระแสเลือด
- บำรุงเซลล์ตับให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- บำรุงตับและถุงน้ำดีให้กำจัดไขมันได้ดีขึ้น
- กำจัดไขมันที่สะสมในระบบทางเดินอาหารและกระแสเลือด
- ช่วยให้ผิวสดใสขึ้นลดการเกิดสิว
- สุขภาพโดยรวมดีขึ้น
GREEN-L กรีนแอล ดีท้อกซ์ตับ ล้างพิษตับ ฟื้นฟูตับ
หากมีภาวะค่าตับสูง ตับอักเสบ ตับแข็ง ควรดีท้อกซ์ตับ ล้างพิษตับ บำรุงและฟื้นฟูตับให้กลับมาเป็นปรกติโดยเร็ว เราสามารถดีท็อกซ์ตับ ล้างพิษตับ ได้ตลอดเวลา และทุกช่วงอาการของโรคตับ แม้แต่ระยะตับปรกติ ก็ควรล้างพิษตับเพื่อป้องกันอนุมูลอิสระ การสะสมของไขมันและสารพิษต่างๆ
GREEN-L กรีนแอล ดีท้อกซ์ตับ ล้างพิษตับ ฟื้นฟูตับ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการล้างพิษตับด้วย Green L
- ซ่อมแซมเซลล์ตับ บำรุงเซลล์ตับให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
- พิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ให้เซลล์ตับ
- สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตับ เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง
- ลดการสะสมของไขมันที่ตับ และลดการเกาะตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด
- ช่วยฟื้นฟูและบำรุงตับจากความเสียหายที่เกิดจากพิษที่สะสมในตับ หรือไขมันเกาะตับ(ไขมันพอกตับ)
- ฟื้นฟูผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ ตับแข็ง ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ
- ช่วยลดขนาดของนิ่วในถุงน้ำดี
- ช่วยขจัดสิ่งสกปรกของเสียได้มากขึ้น เพื่อให้กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ดื่มเหล้า สูบบุรี่ จะสังเกตุได้ว่าจะมีผิวพรรณแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใสเปล่งปลั่ง
- ช่วยกระตุ้นตับให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- กำจัดไขมันออกจากระบบทางเดินอาหารและกระแสเลือด
- ช่วยบำรุงตับและถุงน้ำดีทำให้การกำจัดไขมันเกาะตับที่ตกค้างได้ดียิ่งขึ้น ผิวสดใสขึ้น ลดหมองคล้ำและแห้งกร้าน สุขภาพผิวดีขึ้น
ปรึกษาอาการ / สอบถามข้อมูล
โทร.0946246509
ไปที่หน้าแรก